ปราสาทบ้านพลวง สลากไทพลัส กองสลากไท

สุรินทร์ ดินแดนอีสาน เมืองแห่ง ปราสาท โบราณสถานสวยๆ เลยก็ว่าได้ เพราะมีโบราณสถานให้เราได้ชมกันอย่างมากมาย วันนี้ก็เลยจะพาไปชมปราสาทหนึ่งแห่ง ที่มีชื่อว่า ปราสาทบ้านพลวง สลากไทพลัส กองสลากไท บอกเลยว่า จะสวยสมบูรณ์งดงามขนาดไหนนั้น ลองมาชมกันเลยค่า

ที่เที่ยวสุรินทร์ โบราณสถาน แห่ง ภาคอีสาน ปราสาทบ้านพลวง กองสลากไท

ที่มาของ ปราสาทบ้านพลวง

ปราสาทบ้านพลวง ตั้งอยู่ที่ บ้านพลวง ตำบลบ้านพลวง อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เป็นศาสนสถานที่สร้างขึ้นมาตามแบบศิลปะบาปวนสร้างด้วยหินทรายสีขาวบนฐานศิลาแลงอีกที และอยู่ล้อมรอบคูน้ำรูปตัวยูอีกทีค่ะ แผนผังปราสาทจะเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีฐานศิลาแลงเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาด 8 x 23 เมตร สันนิษฐานกันว่า เป็นไปได้ว่าตั้งใจสร้างให้มีปราสาท 3 องค์อยู่บนฐานเดียวกัน แต่น่าจะมีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นมาก่อน อาจจะเป็นสงคราม โรคระบาดต่างๆ เลยทำให้การสร้างปราสาทชะงักไปนั่นเองค่ะ

แม้ว่า ปราสาทบ้านพลวง จะมีองค์ปราสาทอยู่เพียงองค์เดียว แต่ถือได้ว่าเป็นปราสาทอีกแห่ง ที่มีความสมบูรณ์ของลวดลายทับหลัง ที่ส่วนใหญ่เป็นรูปพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ และลวดลายองค์ประกอบของปราสาทต่างๆ มากมาย อีกทั้งบริเวณนี้ยังมีต้นไม้ใหญ่ล้อมรอบ เลยมีความร่มรื่นอย่างมาก เป็นพิกัดที่เที่ยวประวัติศาสตร์ของ สุรินทร์ ที่น่าไปเยือนแห่งหนึ่งเลยค่ะ

ซึ่งสิ่งที่สังเกตเห็นได้ว่า ปราสาทบ้านพลวง เป็นปราสาทที่ยังสร้างไม่เสร็จนั้น เพราะภาพแกะสลักยังไม่เสร็จนั่นเองค่ะ โดยภาพส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องราวของเทพปกรณัมในลัทธิไศวะนิกาย แต่ก็มีภาพแกะสลักภาพสัตว์ ไม่ว่าจะเป็น ภาพกระรอกกระแต กวางป่าที่ไว้เหนือใบระกาด้านต่อดอกพันธุ์พฤกษา ซึ่งไม่ปรากฏในปราสาทแห่งใดเลยค่ะ

อีกทั้ง ปราสาทบ้านพลวง แห่งนี้ ก็ได้รับการบูรณะเมื่อปี พ.ศ. 2514 – พ.ศ.2516 ด้วยวิธีอนัสติโลซีส คือ การรื้อมาและประกอบเป็นจิกซอว์ขึ้นมาใหม่ค่ะ โดยเสริมโครงสร้างและรากฐานใหม่ และ หินส่วนไหนขาดก็เติมหินเข้าไปใหม่ให้สมบูรณ์ โดยไม่ขัดกับลวดลายและศิลปะเดิมของปราสาทนั่นเอง ซึ่งบูรณะโดย นายแวนส์ เรย์ ซิลเดรส นักศึกษาปริญญาเอกแห่งมหาวิทยาลัยคอร์แนล จากสหรัฐอเมริกาค่ะ

ปราสาทบ้านพลวง เป็นปราสาทขนาดเล็กหลังเดียวที่สร้างจากหินทราย แต่ตั้งอยู่บนฐานไพทีขนาดใหญ่ ที่สร้างขึ้นจากศิลาแลง การที่ฐานศิลาแลงนี้มีปี 2 ข้างซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าตัวปราสาทมาก จึงทำให้คิดไปได้ว่า อาจเคยมีแผน ในการสร้างปราสาทบริวารด้วย แต่ปัจจบันไม่ปรากฏแล้ว โดยที่ไม่ทราบว่า เนื่องจากปราสาทดังกล่าวไม่เคยสร้างเสร็จ หรือ เคยเป็นไม้จึงได้สูญหายไปหมดแล้ว

ปราสาทหลังนี้เป็นตัวอย่างปราสาทขนาดเล็กที่มีภาพสลักที่ค่อนข้างสมบูรณ์ ประตูหลักอยู่ทางทิศตะวันออกในขณะที่อีกสามด้านเป็นประตูหลอก ตัวปราสาทมีภาพสลัก ในศิลปะบาปวนอย่างงดงามทั้งบนทับหลัง และ หน้าบันอันทำให้พอกำหนดอายุ ได้ว่าอาจมีอายุ ในราวพุทธศตวรรษที่ 16- ต้นพุทธศตวรรษที่ 17 สำหรับยอดของปราสาทนั้น อาจเป็นไปได้ที่เคยก่อด้วยอิฐมาก่อน เมื่อเวลาผ่านไป จึงสูญหายไปตามกาลเวลา